ZEISS Single Vision ClearView

         ZEISS Single Vision ClearView         

ZEISS Single Vision ClearView เป็นเลนส์ชั้นเดียว (Single Vision Lenses) จากแบรนด์ ZEISS ประเทศเยอรมันนี ที่ให้ความคมชัดในการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่กึ่งกลางเลนส์ไปจนถึงขอบนอกของเลนส์ และเลนส์ยังแบนกว่า บางกว่า สวยงามกว่าเลนส์ทั่วไป เลนส์ ClearView ออกแบบมาเพื่อสำหรับคนที่มีค่าสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือในคนที่มีค่าสายตาสั้นมากเอียงมาก ให้มุมมองการมองเห็นผ่านเลนส์ ClearView ที่กว้าง คมชัดและเป็นธรรมชาติ ภาพวูบวาบ ภาพบิดเบือนด้านข้างน้อยลง ทำให้คนที่มีค่าสายตาหรือแม้แต่คนที่ไม่มีค่าสายตาใส่แล้วสามารถมองเห็นได้คมชัดและปรับตัวได้ง่าย

     คุณสมบัติเลนส์ ClearView     

 1. Freeform Technology


           Freeform technology เทคโนโลยี Freeform ที่ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงสามเท่า เป็นเทคโนโลยีในการขัดเลนส์แบบละเอียดขั้นสูงที่เรียกว่า “Freeform Technology” หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการขัดเลนส์แบบจุดต่อจุด ใช้พารามิเตอร์ถึง 700 จุดพารามิเตอร์ในการออกแบบและผลิตเลนส์เพื่อให้มุมมองการมองเห็นผ่านในเลนส์ ZEISS ClearView ทุกตัวมีความคมชัดเป็นธรรมชาติ ให้การมองเห็นที่ยอดเยี่ยมในโซนที่ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้นโดยเฉลี่ยสามเท่า เมื่อมองผ่านเลนส์ ZEISS ClearView

จากรูปเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นมุมมองของภาพจากการขัดเลนส์ชั้นเดียวแบบ Conventional Single Vision lenses และการขัดเลนส์แบบ Freeform หรือ ZEISS ClearView Single Vision lenses

• Conventional Single Vision lens หรือการขัดเลนส์แบบทั่วๆไป จะให้มุมมองภาพที่คมชัดที่สุดเมื่อเรามองผ่านจุดโฟกัสกลางเลนส์ จากรูปจะเห็นว่าเมื่อเรามองผ่านจุดโฟกัสตรงกลางเลนส์จะเห็นภาพตัว E ได้คมชัดปกติ แต่หากเรามองผ่านจุดอื่นๆ ของเลนส์ที่ไม่ใช่ตรงกลางเลนส์จะเห็นว่าภาพตัว E มีความฟุ้งๆ ไม่คมชัด ซึ่งบางคนที่ sensitive มากๆ อาจจะเคยมีความรู้สึกว่าเวลามองผ่านกลางเลนส์ก็คมชัดนะ แต่เวลาเหลือบตาไปมองด้านข้าง ด้านบน ด้านล่างของเลนส์ทำไมภาพถึงไม่คมชัดเท่ากับเวลาที่มองผ่านตรงกลางเลนส์ แถมในคนที่ค่าสายตาเยอะๆอาจจะพบกับภาพบิดเบือนหรือภาพวูบวาบด้านข้างอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเลนส์ที่มีการขัดและผลิตด้วย Conventional ที่ให้ความคมชัดในการมองภาพผ่านจุดกึ่งกลางการโฟกัสของเลนส์
• ZEISS ClearView Single Vision lenses หรือการขัดเลนส์แบบ Freeform ที่เป็นการขัดเลนส์แบบละเอียดถึงจุดต่อจุดทั่วเลนส์ ทำให้มุมมองการมองภาพผ่านเลนส์มีความคมชัดทั่วทั้งเลนส์ จากรูปจะเห็นได้ว่าไม่ว่ามุมมองการมองภาพผ่านจุดโฟกัสตรงกลางของเลนส์หรือด้านข้าง ด้านบน ด้านล่างเลนส์ก็จะเห็นภาพตัว E ยังคมชัดแม้จะมองส่วนผ่านอื่นๆ ของเลนส์ ทำให้คนที่ sensitive กับการมองภาพผ่านเลนส์หรือในคนที่ค่าสายตาสั้นเยอะ เอียงเยอะ เวลามองภาพผ่านเลนส์ ZEISS ClearView จะรู้สึกถึงความธรรมชาติของภาพ ภาพบิดเบือน ภาพวูบวาบน้อยกว่าหรือแทบไม่มี เมื่อเทียบกับการขัดเลนส์ทั่วๆไป หรือแบบ Conventional 

สรุปได้ว่า ZEISS ClearView Single Vision Lenses ให้การมองเห็นที่คมชัด สบายตา มุมมองภาพดูธรรมชาติเกือบทั่วทั้งเลนส์

2. Very thin and very flat (เลนส์บางและแบนมากขึ้น)
เลนส์ ZEISS ClearView ให้ความสวยงามของเลนส์มากยิ่งขึ้น ด้วยการขัดเลนส์ที่ให้ความบางของเลนส์ที่ส์บางลงถึง 16% และแบนกว่า 49%  เมื่อเทียบกับเลนส์ชั้นเดียวทั่วไป (Standard/Conventional Single Vision)

3. Full UV Protection 
เลนส์ ZEISS ClearView มาพร้อมกับการป้องกันรังสียูวีเต็มรูปแบบด้วย UV Technology ที่ปกป้องดวงตาจากแสง UV สูงสุดถึง 400 นาโนเมตร ทั่วทั้งเลนส์

4. มุมมองกว้างขึ้น X3 เท่า
ให้มุมมองการมองเห็นที่คมชัดและกว้างขึ้นตั้งแต่จุดศูนย์กลางของเลนส์ (Center) จนไปถึงมุมมองด้านข้างของเลนส์ ทำให้การมองเห็นภาพนอกจากจะได้ความคมชัดเกือบทั่วทั้งเลนส์แล้วยังได้ความเป็นธรรมชาติและสบายตาเมื่องมองผ่านส่วนอื่นๆ ของเลนส์

5. การเคลือบเลนส์ DuraVision® 

DuraVision Platinum คือชื่อโค้ตติ้งหรือการเคลือบผิวเลนส์จาก ZEISS ซึ่งโค้ตติ้ง DuraVision มีคุณสมบัติมากมาย เช่น การต้านทานการขีดข่วน คุณสมบัติป้องกันแสงสะท้อน และพื้นผิวที่ทนทานต่อสิ่งสกปรกและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเคลือบป้องกันแสงสะท้อนระดับพรีเมียมพร้อมการสะท้อนแสงสีน้ำเงินที่ละเอียดอ่อนช่วยให้ผู้สวมใส่ไม่ถูกรบกวนจากแสงสะท้อนที่ระคายเคืองต่อตาและการมองเห็น

6. เทคโนโลยีป้องกันแสงสีน้ำเงิน ZEISS BlueGuard



ZEISS BlueGuard ในเลนส์ ClearView มาพร้อมกับโค้ตติ้งป้องกันแสงสีน้ำเงินหรือแสงสีฟ้าที่เคลือบอยู่ในเนื้อเลนส์ (BlueGard) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีป้องกันแสงสีน้ำเงินรุ่นล่าสุดของ ZEISS ซึ่งบล็อกได้ถึง 40% ของแสงสีน้ำเงินที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายนั้นอาจทำให้มีอาการตาล้าจาก Digital Eye Strain รุนแรงขึ้น ซึ่งรวมถึงตาเมื่อยล้า ตาพร่ามัว นอนไม่หลับ และตาแห้งหรือระคายเคือง เลนส์ ZEISS BlueGuard จึงปิดกั้นแสงสีน้ำเงินที่อาจเป็นอันตรายได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงความยาวคลื่นระหว่าง 400 ถึง 455 นาโนเมตร แต่ในช่วงคลื่นแสงสีน้ำเงินตั้งแต่ 455 ถึง 500 นาโนเมตร เป็นช่วงคลื่นแสงสีน้ำเงินที่มีประโยชน์ต่อดวงตายังคงไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้สามารถช่วยป้องกันการเมื่อยล้าของดวงตา และให้การมองเห็นที่สบายตา ผ่อนคลาย และเพิ่มคอนทราสต์ในการมองเห็นภาพ ซึ่งเลนส์ ZEISS BlueGuard ได้รับการออกแบบมาสำหรับการใช้งานตลอดวันและให้ความสบายตาเพิ่มขึ้น และช่วยลดอาการปวดตา ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว นอกจากนี้เทคโนโลยี ZEISS BlueGard ยังมาพร้อมกับโค้ตติ้ง ZEISS DuraVision Platinum UV ที่เป็นมาตรฐาน การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนระดับพรีเมียมพร้อมการสะท้อนแสงสีน้ำเงินที่ละเอียดอ่อนช่วยให้ผู้สวมใส่ไม่ถูกรบกวนจากแสงสะท้อนที่ระคายเคือง และมองเห็นดวงตาได้อย่างชัดเจนหลังเลนส์ เมื่อเทียบกับการเคลือบด้วยแสงสีน้ำเงินในปัจจุบัน ZEISS DuraVision BlueProtect การสะท้อนของแสงสีน้ำเงินดิจิตอลจะลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ในเลนส์ BlueGard เลนส์ป้องกันแสงสีน้ำเงินที่มีความใสและติดเหลืองน้อยกว่า DuraVision Blue Protect  สำหรับคนที่ไม่ชอบเลนส์ป้องกันแสงสีฟ้าที่ติดเหลืองหรือไม่ต้องการแสงสะท้อนของเลนส์ป้องกันแสงสีฟ้ามารบกวนการมองเห็น ZEISS ClearView BlueGard Single Vision lenses ตอบโจทย์ หรือเลนส์ชนิดอื่นๆ ของ ZEISS ก็สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโค้ตติ้ง BlueGard ได้เช่นกัน

ตารางแสดงราคาแต่ละ index และ option เพิ่มเติมของเลนส์ ClearView Single Vision 


ตัวอย่างออเดอร์เคส

#เคสที่ 1

     ลูกค้าผู้หญิง อายุ 32 ปี จากการซักประวัติอย่างละเอียดพบว่า มีประวัติการผ่าตัดเลสิกตามาเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว ซึ่งค่าสายตาก่อนผ่าตัดสั้นประมาณ -5.00 D ไม่มีประวัติโรคประจำตัวหรือโรคทางตาอย่างอื่น มีความต้องการแว่นสายตากรองแสงหน้าจอ เนื่องจากทำงานกับหน้าจอเป็นเวลานาน

จากการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด โดยนักทัศนมาตร

ค่าสายตา        Right Eye : 0.00

                    Left Eye  : 0.00

     จากค่าสายตาที่ตรวจวัดได้พบว่าลูกค้าได้ผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตาโดยวิธีเลสิก ทำให้ค่าสายตากลับมาเป็นปกติเป็น 0.00 D ทางร้านจึงแนะนำเลนส์ค่าสายตา 0.00 D ที่มี Option กรองแสงทั้งกรองสงสีน้ำเงินและกรองแสงยูวี รุ่น ClearView ของบริษัท ZEISS จากประเทศเยอรมันนี เนื่องจากคนที่ค่าสายตา 0.00 หรือไม่มีค่าสายตาเวลาเมื่อมีใส่แว่นหรือมีเลนส์ใสๆมาบังตาจะทำให้ความคมชัดเมื่อมองผ่านเลนส์อาจไม่ดีเท่ามองด้วยตาเปล่า ทางร้านจึงแนะนำเลนส์รุ่นนี้เพราะโครงสร้างเลนส์ ClearView ให้การมองเห็นที่คมชัดและมีมุมมองภาพกว้างเป็นธรรมชาติเกือบทั่วทั้งเลนส์ และเลนส์มีความใส ทำให้การมองเห็นเมื่อมองผ่านเลนส์มีความคมชัดใกล้เคียงกับตาเปล่า

#เคสที่ 2

     ลูกค้าผู้หญิง อายุ 33 ปี จากการซักประวัติพบว่าลูกค้าใส่คอนแทคเลนส์เป็นหลักในทุกวัน จะใส่แว่นเมื่อหลังถอดคอนแทคเลนส์ในช่วงก่อนนอน มีความต้องการทำแว่นสายตาเนื่องจากแว่นเดิมเริ่มมองเห็นไม่คมชัดแล้ว บางครั้งมีอาการไม่สบายตาเวลาที่ถอดคอนแทคเลนส์แล้วมาใส่แว่น รวมทั้งมีอาการตาแห้งร่วมด้วย ไม่มีประวัติโรคประจำตัวหรือโรคทางตาอย่างอื่น

จากการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด โดยนักทัศนมาตร

ค่าสายตา        Right Eye : -4.50-0.50x50

                    Left Eye  : -4.25-0.50x155

ค่าสายตาหลังจากใส่แว่นทดลอง

ค่าสายตา        Right Eye : -4.00-0.50x50

                    Left Eye  : -4.25-0.50x155
     จากค่าสายตาด้านบน พบว่า ค่าสายตาจริงๆขอลุกค้ามีค่าสายตาสั้นค่อนข้างมาก และมีสายตาเอียงร่วมด้วยในตาทั้งสองข้าง แต่หลังจากที่ให้ลูกค้าใส่ค่าสายตาทดลองแล้ว ค่าสายตาที่ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้คมชัดและสบายตาใกล้เคียงกับคอนแทคเลนส์จึงเป็นค่าที่ลดทอนลงมาเล็กน้อย

     ในส่วนของการแนะนำเลนส์แก้ไขปัญหาของลูกค้าเคสนี้ คือ ZEISS Single Vision ClearView เลนส์ชั้นเดียวโครงสร้างฟรีฟอร์ม ที่ให้การมองเห็นได้คมชัดและสบายตาตั้งแต่จุดศูนย์กลางเลนส์จนไปถึงด้านข้างเลนส์ ทำให้สามารถมองภาพด้านข้างได้กว้างและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากในคนที่ค่าสายตาสั้นสูงๆ เมื่อมองภาพด้านข้างจะสังเกตว่าภาพจะดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในเลนส์ ClearView จะให้มุมมองที่คมชัดเกือบทั่วทั้งเลนส์ ในเคสนี้ลูกค้าเลือกย่อบางเลนส์ เพื่อให้เลนส์บางและมีน้ำหนักเบาขึ้น แลเพิ่ม Option เป็นเลนส์ออกแดดเปลี่ยนสีเทาเข้ม (PhotoFusionX ExtraGrey) ซึ่งมาพร้อมกับการป้องกันรังสียูวีและป้องกันแสงสีน้ำเงินจากหน้าจออุปกร์ดิจิตอล ได้แว่นที่ครบทุกฟังก์ชันพร้อมแก้ไขปัญหาสายตาได้ในแว่นตัวเดียว.