APOLLO LENS
เลนส์สายตา Apollo มีเลนส์ที่หลากหลายให้คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ชั้นเดียว เลนส์เปลี่ยนสี เลนส์กันแดด เลนส์นิรภัยและเลนส์โปรเกรสซีฟ เนื่องจากผู้สวมใส่ต้องการความคมชัดในการมองเห็นมากขึ้นในทุกๆ วันเทคโนโลยีเลนส์ของแบรนด์ Apollo จึงเป็นทางออกสำหรับการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน ผู้สวมใส่ทุกคนสมควรได้รับสุขภาพการมองเห็นดีดังนั้น ภารกิจของเราคือการปกป้องการมองเห็นของผู้สวมใส่ เหมือนชุดอวกาศที่ช่วยปกป้องนักบินอวกาศของอพอลโล 11 (Apollo 11)
ประวัติของเลนส์สายตา APOLLO
ในปี 1970 ก่อตั้งบริษัทอพอลโล่เลนส์ (Apollo lens)
ต่อมาในปี 1972 บริษัทได้ก่อตั้ง Rx Lens Lab ที่ฮ่องกง
ในปี 1982 บริษัทอพอลโล่ได้มีการก่อตั้ง RX Lens Lab ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ในปี 1995 - 1999 บริษัทเลนส์อพอลโล่ได้มีการขยายสาขาและสำนักงานตามเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เมือง ไทเป เมืองกวางโจว(สำนักงานใหญ่) และเมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ในปี 2012 เปิดตัวเลนส์ที่ไม่มีค่าไบรีฟริงเจนซ์ใน PC Lens
ในปี 2014 Apollo Lens ชนะรางวัล China Extraordinary Functional Brand Award
ในปี 2019 บริษัทเลนส์ Apollo ได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศสิงคโปร์
ต่อมาในปี 2022 บริษัทเลนส์ Apollo ได้มีการก่อตั้งสำนักงานและ Rx Lens Lab ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในประเทศไทย
Lens Technology
อพอลไล่ได้เพิ่มประสิทธิภาพของเลนส์ด้วยเทคโนโลยีเลนส์เฉพาะบุคคลที่เราคำนึงถึงค่าพารามิเตอร์ในแต่ละค่า ทั้งหลักการสมดุลที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Balance Principle) การออกแบบเลนส์อย่างอิสระ และการปรับแต่งตามความประสงค์เฉพาะบุคคล
Digital Freeform
กระบวนการขัดพื้นผิวเลนส์ด้านหลัง (backside) ช่วยให้เรามั่นใจในการการจัดวางค่าสายตาและการออกแบบตำแหน่งต่างๆ บนตัวเลนส์ ด้วยความละเอียดนี้ทำให้เราได้เลนส์ที่มีคุณภาพ
สูง ได้พื้นที่การมองกว้างขึ้น และมีความคลาดเคลื่อนที่ต่ำ
Sharp Vision Principle
เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด กำลังของเลนส์ที่อยู่ด้านหน้าดวงตาควรสอดคล้องกับข้อมูลการหักเหของแสงโดยส่วนมากค่ากำลังที่แท้จริงของเลนส์ที่ปรับให้เหมาะกับตำแหน่งการสวมใส่จะแตกต่างจากค่าที่สั่งซื้อ เนื่องจากความแตกต่างในเส้นทางของลำแสงด้วยหลักการนี้ทำให้ได้ค่าสายตาที่ตรงกับการสวมใส่จริง ผู้สวมใส่จะได้รับภาพที่แท้จริงบนจอตา (retina)
Multipath Simulation
แบบจำลองนี้เป็นการจำลองแบบใหม่ที่จะพิจารณาตำแหน่งที่แท้จริงของเลนส์และการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของดวงตาในแต่ละทิศทางที่มองไป รวมไปถึงลักษณะของกรอบแว่น เลนส์แว่นตา ซึ่งเป็นข้อมูลจริงที่เกี่ยวกับผู้สวมใส่ที่ถูกนำเข้ามาคำนวณด้วย ซึ่ง มีผลทำให้มีการลด oblique aberration (ความคลาดเคลื่อนของแสงในแนวทแยง) อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ลูกค้าได้รับความคมชัดและความสบายตามากยิ่งขึ้น
Stability Optimization Algorithm
วิธีการนี้เป็นวิธีหลักที่สามารถช่วยให้มีการควบคุมค่าสายตาในการมองไกลได้เป็นอย่างดี ลดภาพบัดเบือนบริเวณด้านข้างของเลนส์ในกลุ่มเลนส์ทรงโค้งกลม (spherical) ทำให้ได้ภาพที่มีความเสถียรสูง และอื่นๆอีกมากมาย
Individual Optimized Inset
ระยะรูม่านตา (pupillary distance: PD) ของแต่ละบุคคลนั้นต้อง วัดทีละข้าง เพราะในขณะที่เรามองใกล้นั้น ระยะของ PD และระยะการเหลือบจะเปลี่ยนไป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคำนวณระยะการเหลือบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้รับคุณภาพการมองเห็นในระยะใกล้ที่ดีที่สุด
Individual Parameters
ใบหน้าของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ความพอดีของการสวมใส่กรอบแว่นตาก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งเราเรียกความแตกต่างบนกรอบแว่นนี้ว่า "ค่าพารามิเตอร์" ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งค่าพารามิเตอร์ออกเป็น 4 ค่าได้แก่ ระยะห่างระหว่างรูม่านตา (interpupillary distance: PD), ค่ามุมเทหน้าแว่น (Pantoscopic Tilt or Angle: PT), ค่าความโค้งหน้าแว่น (Wrap Angle or Face Form Angle: FFA),และระยะห่างจากกระจกตาถึงหลังเลนส์แว่นตา (Cornea Vertex Distance: CVD) ดังนั้น หากต้องการได้คุณภาพการมองเห็น ที่มีคุณภาพ ควรจะปรับค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ให้ตรงกับการใช้งานจริง
Single Vision Lens
เลนส์ชั้นเดียวไว้ใช้แก้ปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของการหักเหแสงได้ทั้งหมด ทำให้การมองเห็นคมชัดขึ้นอีกครั้งในทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง
ในเลนส์สายตา Single Vision Lens ของแบรนด์ Apollo จะมีหลายโครงสร้างเพื่อตอบโจทย์กับปัญหาสายตาในทุกรูปแบบ
โครงสร้างของเลนส์ Single Vision Lens ของแบรนด์ Apollo
Single Vision Stock
สต๊อคเลนส์ชั้นเดียวทุกตัวได้รับการออกแบบโดยเน้นคุณภาพการมองเห็นรูปลักษณ์ และความสบายในการสวมใส่ ไม่ว่าคุณจะมองหาเลนส์สำหรับอ่านหนังสือ หรือเลนส์ที่สามารถแก้ไขค่าสายตาที่ผิดปกติ Apollo มีเลนส์ชั้นเดียวที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณ
Single Vision RX (LAB)
เพลิดเพลินกับการทำงานในทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นระยะใกล้หรือระยะไกล ด้วยเลนส์ชั้นเดียวอาร์เอ็กซ์ (Single Vision Rx) จากอพอลโล่ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ล้ำสมัยในการวัดค่าต่างๆ บนตัวเลนส์ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขภาวะสายตาสั้นและสายตายาว อีกทั้งเลนส์กลุ่มนี้ยังถูกออกแบบมาให้สามารถมองได้คมชัดในทุกบริเวณของพื้นที่เลนส์ รวมไปถึงบริเวณขอบของเลนส์ด้วย นอกจากนี้เลนส์ยังมีความเบาบาง และส่งเสริมบุคลิกของผู้สวมใส่ด้วย
Double Aspheric Lens
โดยทั่วไป เลนส์ชั้นเดียวสามารถแบ่งโครงสร้างได้เป็น เลนส์โค้งกลม(spheric), เลนส์โค้งแบนด้านเดียว(aspheric), และเลนส์โค้งแบนสองด้าน (double aspheric) เลนส์โค้งกลม (spheric) คือเลนส์ที่ทั้งสองด้านเป็นทรงโค้ง ส่วนเลนส์โค้งแบนด้านเดียว (aspheric) คือเลนส์ที่หน้าเลนส์มีความโค้งบริเวณศูนย์กลางของเลนส์มากกว่าขอบนอกของเลนส์ ในขณะที่เลนส์โค้งแบนสองด้าน (double aspheric) คือ เลนส์ที่ถูกปรับให้ทั้งหน้าเลนส์และหลังเลนส์ มีความโค้งบริเวณศูนย์กลางของเลนส์มากกว่าขอบนอกของเลนส์สำหรับเลนส์โค้งกลมทั่วไป เมื่อมีค่าสายตาที่มากก็จะยิ่งทำให้เกิดภาพบิดเบื่อนบริเวณด้านข้างมากขึ้นด้วย ทำให้บริเวณที่มองเห็นชัดนั้นแคบ การออกแบบของอพอลโล่จะเน้นใช้เลนส์โค้งแบนสองด้าน (double aspheric) เพื่อแก้ไขภาพบิดเบือนรอบๆ เลนส์ และทำให้พื้นที่การมองเห็นกว้างขึ้นและคมชัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เลนส์มีความเบาบาง และสวยงามอีกด้วย
Smart Single Vision
เลนส์ชั้นเดียวทั่วไปจะเหมาะสำหรับผู้สวมใส่ที่มีค่าสายตาไม่มาก เพราะเลนส์กลุ่มนี้จะไม่สามารถชดเชยภาพบิดเบือนที่เกิดจากภาวะสายตาเอียงในแนวทแยงได้ ด้วยเทคโนโลยีแบบจำลองที่หลากหลายและค่าพารามิเตอร์เฉพาะบุคคล ทำให้เลนส์ของอพอลโล่มีความคมชัดสูง แก้ไขปัญหาการมองเห็นของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูงๆได้ดี
โดย้ลนส์ Smart Single Vision ของแบรนด์ Apollo จะมีคุณสมบัติเลนส์ตามนี้
Smart Progressive Lens
เพลิดเพลินกับการมองเห็นและความคมชัดในทุกระยะกับเลนส์โปรเกรสซีฟของอพอลโล่ คุณจะได้รับสิ่งที่ดีกว่าการมองเห็นธรรมดาๆ เปิดโลกทัศน์ที่ดีกว่าด้วยเลนส์ของอพอลโล่
Progressive SMART FREE เลนส์โปรเกรสซีฟตัวเริ่มต้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวตามอายุเล็กน้อย
Progressive SMART LIFE เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นเริ่มต้นที่ออกแบบมาเพื่อผู้สวมใส่ชาวเอเชียที่ต้องการคุณภาพการมองเห็นสูง
Progressive SMART PRO เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นกลางของแบรนด์ Apollo ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น เพื่อความคมชัด และ ความสบายตาที่มากยิ่งขึ้นของผู้สวมใส่

Progressive SMART INDIVIDUAL

Functional Lens
Apollo Lens นำเสนอเลนส์ที่หลากหลายเพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานที่แตกต่างของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น แว่นสายตาแว่นกันแดด รวมถึงแว่นอ่านหนังสือ ซึ่ง ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน
Smart Office

Smart Bifocal
ในบางคนมักจะเลือกใช้เลนส์สองชั้นแทนเลนส์โปรเกรสซีฟ ด้วยเหตุผลของการปรับการใช้งาน อย่างไรก็ตามเลนส์สองชั้นแบบดั้งเดิมดูไม่สวยงาม ด้วยนวัตกรรมของอพอลโล่ทำให้เราสามารถสร้างเลนส์สองชั้นออกมาโดยไร้รอยต่อเสมือนเลนส์ชั้นเดียว และยังได้พื้นที่การมองใกล้ที่กว้างกว่าเลนส์สองชั้นทั่วไปถึง 3 เท่า
Smart Relax
ANTI-FATIGUE LENS พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ยังไม่มีภาวะสายตาตามวัย โดยช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาที่เกิดจากการมองวัตถุระยะใกล้บ่อยๆ เป็นเวลานานๆโดยมี 3 ตัวเลือก : 0.5D, 0.75D และ 1.0D
SPORTECH
เลนส์สำหรับกิจการเล่นกีฬา (Sportech) ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับความโค้งหน้าแว่น และความโค้งฐานกระจกเลนส์ (base curve) ของเลนส์ที่มากขึ้นเพื่อตอบรับกับกิจกรรมของผู้ใช้ เมื่อผนวกเข้ากับค่าพารามิเตอร์ของผู้สวมใส่ จะได้เลนส์ที่เข้ากรอบแว่นอย่างสมบูรณ์ และเข้ากับดีไซน์โดยรวมของแว่นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแว่นทรงตรงหรือทรงโค้ง (wraparound)
Concept of High Basecurve (Wrapped Lens) Full Backside Aspheric Lens Design
นิยมใช้เลนส์โค้งแบนด้านเดียวแบบ (Hi-Index Aspheric Design Lens) การนำเลนส์ทั่วไปมาใช้กับกรอบแว่นทรงโค้ง (Wraparound) สำหรับการเล่นกีฬาจะปิดกั้นพื้นที่การมองเห็น โดยเฉพาะบริเวณขอบและด้านข้าง เป็นเหตุให้ผู้ใช้ไม่สบายตาและเวียนหัว
การใช้เลนส์แบบโค้งแบนด้านเดียวชนิดอสมมาตร (Asymmetric & Aspheric Lens Design) ความพิเศษของเลนส์ Sportech ที่ใช้เลนส์แบบโค้งแบนด้านเดียวชนิดอสมมาตร (360 Asymmetric against Aspheric Design) ช่วยให้พื้นที่การมองเห็นครบถ้วนและเป็นธรรมชาติ แม้จะมีความโน้มเอียงระหว่างการมองอย่างมากเลนส์พิเศษนี้ยังช่วยให้ผู้สวมใส่มีการมองเห็นที่ชัดเจนที่สุดและสบายตาที่สุดตลอดการเล่นกีฬา
SPORTECH SINGLE VISION
SPORTECH PROGRESSIVE
MYOPI-C PLUS
เลนส์ Myopi-C+ เลนส์ควบคุมสายตาสั้นในเด็ก ที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมสายตาโดยมีโซนการมอง
เห็นสองโซน ที่แตกต่างกัน
พื้นที่ตรงกลาง
จุดศูนย์กลางของเลนส์มีพื้นที่การมองเห็นชัดเจนที่ 7 มม โดยรอบ ให้ความคมชัดและสบายตาในการ มองพื้นที่ตรงกลาง
โซนการรักษา
ประสิทธิภาพของเลนส์ Myopi-C+ ได้รับการประเมินอย่างเข้มงวดผ่านการศึกษาแบบสุ่มปกปิดสองฝ่าย (randomized, double-blind) ซึ่งดำเนินการกับกลุ่มประชากรเด็กในยุโรปอายุ 6-12 ปี โดยมีระยะเวลาการทดลองนาน 1 ปีเด็กที่ใช้เลนส์ Myopi-C+ มีระดับความพึงพอใจใกล้เคียงกับผู้ใช้เลนส์สายตาชั้นเดียวทั่วไป สามารถปรับตัวเข้ากับเลนส์ได้อย่างรวดเร็วและไม่เกิดปัญหาในการใช้งาน
Coating
การเคลือบผิวเลนส์ถูกนำไปใช้กับเลนส์แว่นตาเพื่อเพิ่มความทนทาน ประสิทธิภาพ และรูปลักษณ์ของแว่นตา
CONCEPT OF PINHOLE
แว่นที่เต็มไปด้วยรูเข็มเล็กๆ เรียกว่า "แว่นรูเข็ม" โดยแว่นรูเข็มจะช่วยลดขนาดของแสงที่เดินทางผ่านเข้ามา
ดังนั้น จึงมีเพียงแสงที่วิ่งมาทางตรงเท่านั้นที่จะสามารถผ่านรูเข็มเล็กๆนั้นได้ เพื่อลดภาพเบลอบนจอประสาทตาและช่วยเพิ่มความลึกของภาพ
HONEYCOMB COATING
ในทางเรขาคณิต รังผึ้งจะมีลักษณะเป็นกลุ่มเซลล์หลายเหลี่ยมที่อยู่ชิดกันเพื่อปิดช่องว่าง และมีขนาดที่สม่ำเสมอ Apollo ได้ใช้การออกแบบนี้ผสานเข้ากับนาโนเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้รังสรรค์โค้ทที่มีลักษณะเลียนแบบรังผึ้ง ซึ่งจะมีความคล้ายกับเลนส์ที่เต็มไปด้วยรูเข็มเพื่อทำการลดแสงที่กระเจิง ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อดวงตาผ่อนคลายและช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี ถึงแม้ว่าโค้ทรังผึ้งจะมีลักษณะคล้ายกับรูเข็มแต่ก็มีความแตกต่างจากแว่นรูเข็มโดยทั่วไปตรงที่โค้ทรังผึ้งนี้ไม่รบกวนลานสายตาของผู้สวมใส่และยังทำให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
ANTI-REFLECTION + ANTI-FOG LENSES
ในท้องตลาดเลนส์ทั่วไปที่ป้องกันการสะท้อน + ป้องกันการเกิดฝ้าของเลนส์ มักจะใช้ควบคู่กับผ้าที่เรียกว่า Activation Cloth ทำให้ไม่สะดวกอย่างมากในการใช้งานหรือต้องเปลี่ยนผ้าดังกล่าวบ่อยๆการเคลือบชั้นลดการเกิดฝ้า (FOGLESS) ซึ่งของทางแบรนด์ Apollo นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ผ้า Activation Cloth ในการทำความสะอาด แต่จะใช้เพียงผ้าไมโครไฟเบอร์เช็คเท่านั้น จึงทำให้เลนส์ FOGLESS ของ Apollo นั้นใช้งานง่ายแต่สามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
NANOTECHNOLOGY IN GERMANY
เทคโนโลยีใหม่ของ Apollo ในการเคลือบโค้ทป้องกันการเกิดฝ้า(FOGLESS) โดยใช้หลักการเคลือบสุญญากาศด้วยไอออนและควบคุมด้วยกระบวนการทางเคมีไฟฟ้า เพื่อเพิ่มชั้นที่โปร่งใสและชั้นดูดซับน้ำ ส่งผลทำให้หยดน้ำขนาดเล็กที่เกิดจากความต่างของอุณหภูมิเกิดการกระจายเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มใส ซึ่งเป็นชั้นโค้ทป้องกันการเกิดฝ้า(FOGLESS) โค้ทป้องกันการเกิดฝ้า(FOGLESS) ของApolloได้เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานและมีประสิทธิภาพป้องกันฝ้าได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับเลนส์กันฝ้าแบบอื่นๆ ทั่วไป
NANOCLEAR
การเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนเป็นพิเศษ (Super anti-reflective) เพื่อให้คุณมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน
NANOGUARD
ประสิทธิภาพการป้องกันรอยขีดข่วน 3 เท่าของเลนส์มาตรฐานที่มี Bayer Ratio สูงกว่า 6 นอกจากนี้ NanoGuard ยังป้องกันคราบสกปรก ไล่ฝุ่น และป้องกันรังสียูวี ทำให้แว่นตาของคุณไม่สกปรก
MATERIAL
BLUTECT SERIES
แสงสีฟ้าเป็นแสงให้พลังงานสูง High-energy visible (HEV) ซึ่งมีความยาวคลื่นสั้น อยู่ระหว่าง 380 นาโนเมตร ถึง 500 นาโนเมตร โดยธรรมชาติโครงสร้างส่วนหน้าของดวงตามนุษย์สามารถป้องกันรังสี UV ไม่ให้เข้าถึงจอประสาทตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แสงสีฟ้าสามารถทะลุผ่านกระจกตาไปจนถึงจอประสาทตาได้ หาก สัมผัสกับแสงสีฟ้าเป็นระยะเวลานานๆอาจจะส่งผลทำให้เกิดต้อกระจก (cataracts) และโรคจอตาเสื่อม (macular degeneration) ตามมา
เนื่องจากแสงสีฟ้ามีความยาวคลื่นที่สั้น จึงสามารถกระจายได้ดีกว่าแสงอื่นที่มนุษย์มองเห็น นอกจากนั้นยังลดความคมชัดลงและอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดตาล้าได้ โดยธรรมชาติแสงสีฟ้านั้นมีอยู่ทุกที่ แต่จะพบได้มากในจอ LED และหน้าจอคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ
BLUTECT
ด้วยสารชนิดพิเศษที่เราได้เพิ่มเข้าไปในวัสดุเลนส์ ทำให้สามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้ตั้งแต่ความยาวคลื่นที่ 410
นาโนเมตร และปกป้องดวงตาของเราจากการสัมผัส กับแสงสีฟ้าในโลกดิจิทัลยุคใหม่
BLUTECT PLUS
ด้วยเทคโนโลยี BLUTECT PLUS ล่าสุดของเรานั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันแสงสีฟ้า
420 นาโนเมตร ได้มากกว่า 75% และลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก (cataracts) โรคจอตาเสื่อม (macular degeneration) และอาการตาล้าจาก อุปกรณ์ดิจิทัล (digital eyestrain)



Hogar Vision


