ทำความรู้จักเลนส์แว่นตา NIKON จากประเทศญี่ปุ่น
จากเลนส์ถ่ายภาพจนไปสู่เลนส์แว่นตาที่จะทำให้ผู้สวมใส่เห็นภาพคมชัดและแม่นยำในทุกรายละเอียดการมองเห็น การันตีโดยประวัติที่ยาวนานของบริษัทเลนส์กล้องชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นสู่ตลาดเลนส์สายตา NIKON
ในปี 2489 เป็นปีแรกที่ NIKON เข้าสู่วงการเลนส์แว่นตาโดยใช้ชื่อว่า “Pointal” เลนส์แว่นตารุ่นแรกจากทางบริษัท NIKON และเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีของเลนส์ วัสดุเลนส์ และ ผิวเคลือบเลนส์

ในปี 2526 NIKON ได้เปิดตัวผิวเคลือบเลนส์ที่ป้องกันแสงสะท้อนบนตัวเลนส์รุ่นแรก พร้อมกับมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนในตัวเลนส์ ซึ่งหลังจากที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีผิวเคลือบเลนส์นี้ออกมาทำให้เทคโนโลยีผิวเคลือบนี้ที่มีชื่อว่า “HCC”ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนนั้น จนถึง ณ ปัจจุบัน ซึ่งเลนส์เกือบทั้งหมดในปัจจุบันได้ใช้ผิวเคลือบเลนส์ชนิดนี้เกือบทั้งหมด เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับเลนส์กล้องที่จะช่วยลดแสงสะท้อนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และทาง NIKON นำเอาเทคโนโลยีนี้มาใส่ไว้ในเลนส์แว่นตา

ในปี 2543 นี้บริษัท NIKON ได้ทำการคิดค้นและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเลนส์พลาสติก เป็น “เลนส์ย่อบางพิเศษ 1.74” ซึ่งเป็นเลนส์ที่บางและเบาที่สุดในเลนส์ประเภทเดียวกันในยุคสมัยนั้น ซึ่งเลนส์ย่อบางพิเศษ 1.74 ยังนำมาใช้ในปัจจุบันอีกด้วย

ในปี 2545 บริษัท NIKON ได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยีเลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) ล้ำสมัยไปอีกขั้น “SEE MAX” โดยตัวเลนส์จะเป็นเลนส์สั่งทำแบบพิเศษให้เป็นเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น โดยเลนส์จะผลิตโดยอิงจากรูปทรงของกรอบแว่น ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด และทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นดีที่สุดในขณะที่สวมใส่

ในปี 2548 NIKON ได้เปิดตัวเลนส์บรรเทาอาการปวดตาชิ้นแรก โดยใช้ชื่อว่า “RELAXSEE” โดยเลนส์ชิ้นนี้ทาง NIKON ออกแบบมาเพื่อบรรเทาอาการปวดตาสำหรับผู้ที่ใช้สายตาระยะใกล้เป็นระยะเวลานานโดยเฉพาะ

ในปี 2554 เลนส์สายตาที่มีความใสและป้องกันแสงสีน้ำเงินอมม่วงชิ้นแรก จากทางบริษัท NIKON โดยใช้ชื่อว่า “SEECOAT BLUE” เพื่อเพิ่มการมองเห็นสีและรายละเอียดที่ตัดกันบนหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ ของผู้ที่ใช้งาน ซึ่ง SEECOAT BLUE ยังได้รับรางวัล Good Design Award อีกด้วย

*แสงสีน้ำเงินอมม่วงที่ทำให้เกิดความอันตรายต่อดวงตา คือแสงที่มีคลื่นความยาวช่วง 400 ถึง 455 nm ที่ระบุโดย ISO TR 20772:2018.
ในปี 2559 บริษัท NIKON ได้พัฒนาผิวเคลือบเลนส์ตัวใหม่ที่จะช่วยในเรื่องของความสว่างในการมองเห็นภาพในที่สลัว โดยทำให้ผู้ที่สวมใส่เลนส์มีการรับรู้ภาพที่สว่างมากยิ่งขึ้นในตัวกลางคืน และ ที่ๆมีแสงไฟสลัวให้มีความคมชัดและมองเห็นได้ทุกรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยใช้ชื่อผิวเคลือบตัวนี้ว่า “SEECOAT BRIGHT”

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง ผิวเคลือบธรรมดา กับ ผิวเคลือบ SEECOAT BRIGHT

ภาพเปรียบเทียบระหว่าง ผิวเคลือบธรรมดา กับ ผิวเคลือบ SEECOAT BRIGHT

ภาพคุณสมบัติของผิวเคลือบ SEECOAT BRIGHT

ในปี 2561 บริษัท NIKON ได้กลับมาอีกครั้งในการพัฒนาเลนส์สำหรับผู้ที่มีสายตาสั้น “MYOPSEE” โดยคุณสมบัติเริ่มต้นของตัวเลนส์จะมีการย่อบาง 1.60 หรือก็คือการย่อบาง 1 ระดับมาให้แล้วเพื่อทำให้เลนส์นั้นมีความบางและเบามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี การออกแบบเลนส์โค้งแบนสองชั้น (Double Aspheric)โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ที่สวมใส่มองเห็นภาพที่มีความคมชัด สบายตา และปรับตัวได้ง่าย ทำให้ผู้ที่มองเข้ามาผ่านเลนส์เห็นดวงตาของผู้สวมใส่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดภาพบิดเบือนด้านข้างของตัวเลนส์ได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่มีสายตาสั้นโดยเฉพาะ

เลนส์ MYOPSEE มีความบางมากกว่าเลนส์ปกติถึง 16%

ทาง HOGAR VISION ของเราได้มีการจ่ายเลนส์ NIKON ให้ลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาสายตา และตอบโจทย์ต่อการใช้งานมากที่สุดในสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นเยอะๆ และ สายตาเอียงเยอะๆ โดย HOGAR VISION จะขอนำเสนอเลนส์ของบริษัท NIKON 2 รุ่นที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่มีปัญหาสายตาสั้นและสายตาเอียงเยอะๆได้
มาเริ่มต้นที่เลนส์ตัวแรกที่ทาง HOGAR VISION อยากแนะนำให้คุณได้รู้จักคือ NIKON Single Vision Myopsee ด้วยโครงสร้างของตัวเลนส์ Myopsee นั้นเป็นเลนส์ขัดแบน 2 ชั้นจึงสามารถตอบโจทย์ในลูกค้าที่มีสายตาสั้นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าสายตาสั้นตั้งแต่ -3.00 D ขึ้นไปจนถึง -4.50 D ก็สามารถเอาอยู่และเลนส์ที่ได้ยังคงบางอยู่ในการย่อบาง 1 ระดับ แต่สำหรับลูกค้าที่มีค่าสายตาตั้งแต่ -4.75 D ไปจนถึง -7.00 D ขึ้นไปทางร้านแนะนำให้ย่อบาง 2 ระดับ (index 1.67) เพื่อมุมมองที่ดีขึ้น และ น้ำหนักที่เบาขึ้นของตัวเลนส์ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการลดภาพบิดเบือนจากทางด้านข้างของเลนส์ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับผู้ที่มีค่าสายตามากกว่า -7.25 D ขึ้นไปทางร้านแนะนำการย่อบางแบบพิเศษ (index 1.74) เพื่อให้เลนส์นั้นบางตอบโจทย์กับค่าสายตาที่เยอะมากๆ และมุมมองของภาพที่เห็นดีขึ้นกว่าเดิม
เลนส์ MYOPSEE จะทำให้ผู้ที่มองเข้ามาผ่านเลนส์เห็นภาพดวงตาของผู้สวมใส่มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

การมองเห็นภาพคมชัดผ่านเลนส์ Single Vision MYOSEE
ตารางแสดงราคา SINGLE VISION MYOPSEE
เลนส์ตัวที่สองที่ HOGAR VISION อยากแนะนำให้คุณได้รู้จักอีกหนึ่งตัวคือ NIKON SINGLE VISION SEEMAX INFINITE เลนส์ชั้นเดียวที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นลักษณะของ individual หรือมีความเป็นเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้นโดยทาง NIKON จะนำเอาข้อมูลของกรอบแว่น ระยะห่างของกระจกกับแว่น มุมเทหน้าแว่น ความโค้งของกรอบแว่น และ จุดโฟกัสของดวงตาแต่ละข้างไปคำนวณเพื่อออกแบบเลนส์ให้ตอบโจทย์กับค่าสายตาของคุณลูกค้ามากที่สุด โดยเทคโนโลยีการขัดเลนส์แบบพิเศษถึง 8 แนวแกนของค่าสายตาจะส่งผลให้ผู้ที่สวมใส่นั้นเห็นภาพที่คมชัด สบายตามากที่สุด มีมุมมองในการมองที่กว้างมากที่สุด และภาพบิดเบือนด้านข้างเลนส์น้อยที่สุด จากการทดสอบของผู้ที่ทดลองใช้เลนส์รุ่นนี้จริงจากทางบริษัท NIKKON และ จากคนที่ทาง HOGAR VISION ได้เคยจ่ายเลนส์ตัวนี้ให้ลูกค้าได้ใช้พบว่ามี Feedback ที่ดีมากๆ ลูกค้ารู้สึกสบายตา เห็นภาพคมชัด ปรับตัวกับค่าสายตาใหม่ได้ง่าย เห็นมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น และแทบจะไม่รู้สึกถึงภาพบิดเบือนด้านข้างเลย โดยเลนส์ตัวนี้ SEEMAX INFINITE จะมีความบางของเลนส์เริ่มต้นอยู่ที่การย่อบาง 1 ระดับคือ index 1.6 เหมาะสำหรับบุคคลที่มีค่าสายตาสั้น สายยาวว และ สายตาเอียงเยอะๆ หรือ ผู้ที่มีสายตา 2 ข้างต่างกันมากๆ เลนส์ตัวนี้สามารถเอาอยู่และตอบโจทย์กับค่าสายตาเหล่านี้มากๆ เพื่อที่จะทำให้การมองเห็นมีความสบายตา คมชัด และ ตาทั้ง 2 ข้างเห็นภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด
ตัวอย่างเลนส์ Single vision แบบธรรมดา ส่วนสีแดงคือบริเวณของขอบเลนส์ที่จะทำเกิดภาพบิดเบือนจากทางด้านข้างเลนส์ได้เยอะ

ตัวอย่างเลนส์ NIKON Single Vision SeeMax Infinite จะเห็นได้ว่าบริเวณส่วนสีแดงที่เป็นทางด้านขอบเลนส์มีความบางกว่าเลนส์ชั้นเดียวแบบธรรมดา และ สามารถทำให้ภาพบิดเบือนจากบริเวณด้านข้างเลนส์นั้นลดน้อยลงได้เยอะมากๆ

ภาพเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ได้ลองใช้ Single Vision SeeMax Infinite จากทางบริษัท NIKON