ZEISS EnergizeMe Lenses
เลนส์แว่นตาที่ออกแบบมาเพื่อการรีเฟรชดวงตาหลังการสวมใส่คอนแทคเลนส์
ZEISS EnergizeMe Lenses เป็นเลนส์แว่นตาตัวแรกที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อให้ดวงตาได้รีเฟรชหลังจากใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ส่วนใหญ่จะสวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลานานเกินกว่าที่ผู้ผลิตคอนแทคเลนส์ระบุและแนะนำไว้ จะมักมีอาการระคายเคืองตา เมื่อยล้าดวงตาในช่วงระหว่างวันหรือช่วงท้ายวันหลังจากใส่คอนแทคเลนส์ และในปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้สายตาไปกับอุปกรณ์ดิจิตอลต่อวันค่อนข้างเยอะ และพบว่ามีผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ทำงานจ้องกับหน้าจอดิจิตอล เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ตจะมีการกระพริบตาที่น้อยครั้ง ทำให้เกิดอาการตาล้าจนไปถึงปวดตาได้ เนื่องจากการที่ใส่คอนเทคเลนส์จ้องหน้าจอนานๆ โดยที่ไม่กระพริบตาบ่อยๆ ทำให้มีออกซิเจนซึมผ่านตาได้น้อย ทำให้เกิดความไม่สบายตา เมื่อยล้าดวงตาเวลาใส่คอนแทคเลนส์
ซึ่งจากปัญหาเหล่านี้ทาง ZEISS จึงได้คิดพัฒนาเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนที่ใส่คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ โดยมีการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและ high-quality coating ที่ช่วยให้ดวงตาที่เหนื่อยเมื่อยล้าได้ผ่อนคลาย สบายตามากขึ้น จึงกลายมาเป็น ZEISS EnergizeMe Lenses
ดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เพื่อได้ปรับตัวกับแว่นตาได้ง่ายมากขึ้น โดยมีการจำลองมุมมองโครงสร้างของเลนส์แว่นตาให้คล้ายกับมุมมองของผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งใช้การวิเคราะห์ได้จากลักษณะการกลอกตาและการหันศีรษะของผู้ที่สวมใส่แว่นและคอนแทคเลนส์
ในผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ในการมองเห็นมักจะมีพฤติกรรมลักษณะการกลอกตามากกว่าการหันศรีษะ เนื่องจากคอนแทคเลนส์จะแปะติดกับกระจกตาตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่าผู้ที่สวมใส่จะกลอกตาไปทางไหนคอนแทคเลนส์ก็จะเคลื่อนตามตา ซึ่งต่างจากแว่นตาที่มักจะใช้การหันศีรษะมากกว่าการกลอกตา เนื่องจากแว่นตาไม่ได้ติดตาและตำหน่งของแว่นตาคืออยู่กับที่ เวลาที่เรากลอกตา แว่นตาอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไปตามตาเหมือนคอนแทคเลนส์ ทำให้ผู้ที่สวมใส่แว่นเวลากลอกตามักจะไปเจอภาพบิดเบือนด้านข้าง หรือภาพวูบวาบ ทำให้มีอาการมึนหัว ไม่สบายตาได้ ดังนั้นจึงมีเทคโนโลยี EnegizeMe Design คือการขัดเลนส์เลียนแบบตามพฤติกรรมลักษณะการกลอกตาของผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์
โค้ตติ้งป้องกันแสงยูวีและแสงสีน้ำเงินที่ช่วยป้องกันไม่ให้แสงสีน้ำเงินที่เป็นช่วงความยาวคลื่นที่มีพลังงานสูงที่เป็นอันตรายต่อดวงตาจากอุปกรณ์ดิจิตอล และลดการแสบตา ความมาสบายตาจากแสงยูวีและแสงสีน้ำเงิน ซึ่งมีทั้งแบบโค้ตป้องกันแสงสีน้ำเงินที่เคลือบที่ผิวเลนส์ คือ DuraVision BlueProtect และโค้ตป้องกันแสงสีน้ำเงินที่อยู่ในเนื้อเลนส์ คือ BlueGard
เลนส์ EnergizeMe จะมีอยู่ 3 รุ่น
1. ZEISS Single Vision EnergizeMe
เลนส์ชั้นเดียวสำหรับผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำในช่วงวัย 20 ปี ถึง 30 ปี
ในเลนส์รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่มีค่าสายตาสั้น ค่าสายตายาว ค่าสายตาเอียงหรือทั้งสั้นทั้งเอียงที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำและมีอาการเมื่อยล้าดวงตาหลังจากใส่คอนแทคเลนส์และต้องการแว่นที่ใส่หลังจากถอดคอนแทคเลนส์ โดยมีการใส่ค่ากำลังสายตา +0.40 D ในโซนการมองเห็นระยะใกล้หรือส่วนล่างของเลนส์เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดการเมื่อยล้าดวงตา
ซึ่ง Single Vision EnergizeMe จะมี 2 โครงสร้างให้เลือกตามค่าพารามิเตอร์กรอบแว่นที่เลือก คือ
- Single Vision EnergizeMe : เป็นโครงสร้าง Standard สำหรับกรอบแว่นที่มีค่าพารามิเตอร์ดังนี้
“มุมเทหน้าแว่น (Panto) = 7.5 , ความโค้งหน้าแว่น (Wrap angle) = 5.5 , ระยะห่างตา (CVD) = 12”
- Single Vision EnergizeMe Asiana : เป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาสำหรับคนเอเชียหรือพารามิเตอร์กรอบแว่นที่ค่อนข้างโค้งน้อย เทน้อย ดังนี้
ตารางแสดงราคาแต่ละ index และ option เพิ่มเติมของเลนส์ Single Vision EnergizeMe
2. ZEISS Digital EnergizeMe
เลนส์ช่วยลดการเพ่งและอาการตาล้าหลังจากถอดคอนแทคเลนส์ ช่วงวัย 30 ปี ถึง 40 ปี
ในเลนส์รุ่นนี้จะเป็นเลนส์ที่ช่วยลดการเพ่งของกล้ามเนื้อตาสำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ เหมาะสำหรับวัย 30 – 40 ปีขึ้นไป ที่มีค่าสายตาสั้น ค่าสายตายาว ค่าสายตาเอียงหรือทั้งสั้นทั้งเอียง ร่วมกับมีค่ากำลังการเพ่ง โดยมีการใส่ค่ากำลังสายตา +0.65 D ในโซนการมองเห็นระยะใกล้หรือส่วนล่างของเลนส์เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดการเมื่อยล้าดวงตา
ซึ่ง Digital EnergizeMe จะมี 2 โครงสร้างให้เลือกตามค่าพารามิเตอร์กรอบแว่นที่เลือก คือ
- Digital EnergizeMe EnergizeMe : เป็นโครงสร้าง Standard สำหรับกรอบแว่นที่มีค่าพารามิเตอร์ดังนี้
“มุมเทหน้าแว่น (Panto) = 7.5 , ความโค้งหน้าแว่น (Wrap angle) = 5.5 , ระยะห่างตา (CVD) = 12”
- Digital EnergizeMe Asiana : เป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาสำหรับคนเอเชียหรือพารามิเตอร์กรอบแว่นที่ค่อนข้างโค้งน้อย เทน้อย ดังนี้
“มุมเทหน้าแว่น (Panto) = 2 , ความโค้งหน้าแว่น (Wrap angle) = 0 , ระยะห่างตา (CVD) = 12”
ตารางแสดงราคาแต่ละ index และ option เพิ่มเติมของเลนส์ Digital EnergizeMe
3. ZEISS Progressive EnergizeMe
เลนส์โปรเกรสซีฟช่วยลดอาการตาล้าหลังจากถอดคอนแทคเลนส์ในช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป
ในเลนส์รุ่นนี้จะเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป เน้นใส่คอนแทคเลนส์ และมีปัญหาค่าสายตาสั้น ยาว เอียง ร่วมกับมีปัญหาสายตายาวตามวัย ต้องการแว่นตาที่ให้การมองเห็นในทุกระยะ ทั้งระยะไกล ระยะกลางและระยะใกล้ เพื่อที่เวลาหลังจากถอดคอนแทคเลนส์แล้วช่วยให้ตาได้รีเฟรชและเปลี่ยนมาใส่แว่นมุมมองการปรับตัวใกล้เคียงกับเวลาใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้ลดอาการมึนหัวและการปรับตัว โดยมีการใส่ค่ากำลังสายตาเริ่มต้นตั้งแต่ +0.75 D จนถึง +3.50 D ในโซนการมองเห็นระยะใกล้หรือส่วนล่างของเลนส์เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดการเมื่อยล้าดวงตา
ซึ่ง Progressive EnergizeMe จะมี 2 โครงสร้างให้เลือกตามค่าพารามิเตอร์กรอบแว่นที่เลือก คือ
- Progressive EnergizeMe : เป็นโครงสร้าง Standard สำหรับกรอบแว่นที่มีค่าพารามิเตอร์ดังนี้
“มุมเทหน้าแว่น (Panto) = 7.5 , ความโค้งหน้าแว่น (Wrap angle) = 5.5 , ระยะห่างตา (CVD) = 12”
- Progressive EnergizeMe Asiana : เป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาสำหรับคนเอเชียหรือพารามิเตอร์กรอบแว่นที่ค่อนข้างโค้งน้อย เทน้อย ดังนี้
“มุมเทหน้าแว่น (Panto) = 2 , ความโค้งหน้าแว่น (Wrap angle) = 0 , ระยะห่างตา (CVD) = 12
ในเลนส์ Progressive EnergizeMe จะมี corridor ให้เลือกตั้งแต่ Short (10) , Medium (12) , Long (14)
ตารางแสดงราคาแต่ละ index และ option เพิ่มเติมของเลนส์ Progressive EnergizeMe
ตัวอย่างเคสรีวิวแว่นตาสำหรับคนใส่คอนแทคเลนส์
ลูกค้าผู้หญิง อายุ 23 ปี จากการซักประวัติพบว่าลูกค้าใส่คอนแทคเลนส์เป็นหลัก มีแว่นสำรองแต่ความคมชัดไม่ดีเหมือนตอนใส่คอนแทคเลนส์และมีอาการมึนหัวเวลาใส่แว่น ทำให้ไม่ค่อยได้หยิบแว่นมาใส่ และคอนแทคเลนส์ที่ลูกค้าใส่เป็นคอนแทคเลนส์รายวัน ชนิดใส ที่มีทั้งค่าสายตาสั้นและสายตาเอียง ซึ่งลูกค้าใส่คอนแทคเลนส์ทุกวันมานานหลายปี และใส่นานถึง 8-14 ชั่วโมง/วัน ในช่วงหลังๆ ลูกค้ามักมีอาการตาแห้งและเมื่อยล้าดวงตาในช่วงท้ายวันเวลาใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ จนบางครั้งต้องถอดคอนแทคเลนส์ออกมาพักสายตาระหว่างวัน และในช่วงเวลาขับรถกลางคืน ตาแห้งจนเห็นภาพไฟฟุ้งกระจายจนไม่สามารถขับรถได้ ลูกค้ามีความต้องการตัดแว่นเพื่อใส่หลังถอดคอนแทคเลนส์
จากการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด โดยนักทัศนมาตร
ค่าสายตา Right Eye : -5.00-1.00x10
Left Eye : -4.25-2.25x5
ค่าสายตาหลังจากใส่แว่นทดลอง
ค่าสายตา Right Eye : -5.00-0.87x10
Left Eye : -4.25-2.25x5
จากค่าสายตาด้านบน พบว่าค่าสายตาจริงๆของลูกค้า มีทั้งค่าสายตาสั้นและเอียงมากทั้งสองตา แต่หลังจากให้ลูกค้าใส่ค่าทดลองค่าสายตาแล้ว ค่าสายตาที่ลูกค้ามองเห็นได้คมชัดและพอปรับตัวได้จะเป็นค่าสายตาที่ลดทอนมาเล็กน้อย
จากค่าสายตาที่ตรวจวัดได้และปัญหาที่ลูกค้ามีนั้น ในการใส่แว่นที่โครงสร้างเลนส์อาจไม่ได้ซัพพอร์ตกับค่าสายตาสั้นและเอียงสูงของลูกค้าและพฤติกรรมของคนใส่คอนแทคเลนส์ จึงทำให้มีอาการมึนหัว ไม่สบายตา เจอภาพวูบวาบเวลาหันศีรษะได้ และระยะเวลาที่ลูกค้าใส่คอนแทคเลนส์ต่อวันค่อนข้างนาน ในปกติระยะเวลาการใส่คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่เคสนี้ลูกค้าใส่คอนแทคเลนส์เป็นหลักทุกวันและนานเกิน 8 - 14 ชั่วโมง และมีพฤติกรรมการใช้สายตาระยะใกล้ตลอดทั้งวัน ทำให้มีการตาแห้งเมื่อยล้าดวงตา จากการที่กล้ามเนื้อตาทำงานอย่างหนัก ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนเพลีย นักทัศนมาตรจึงแนะนำการแก้ไขปัญหาโดยให้ลูกค้าหยุดพักใส่คอนแทคเลนส์หรือลดเวลาการใช่คอนแทคเลนส์ลงและหันไปใส่แว่นตาในวันที่อยู่บ้านหรือออกไปข้างนอกมากขึ้น
โดยเลนส์ที่แนะนำในการแก้ไขปัญหาของลูกค้าเคสนี้คือเลนส์รุ่น EnergizeMe Single Vision จากบริษัทเลนส์ ZEISS ประเทศเยอรมันนี เลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อรีเฟรชดวงตาหลังจากใส่คอนแทคเลนส์ มี design พิเศษคือมุมมองภาพขณะที่ใส่แว่นใกล้เคียงกับเวลาที่ใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์สลับกับแว่นสามารถปรับตัวกับมุมมองภาพได้ง่ายและสบายตาและออกแบบมาให้ดวงตาได้รีเฟรชหลังจากที่ใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากใช้กำลังเลนส์ +0.40 D ในโซนมองใกล้ ทำให้ช่วยลดการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตาหลังจากถอดคอนแทคเลนส์