จากบทความเรื่อง “ทำความรู้จักกับ ‘สายตาสั้น’ ” คงทำให้ทุกคนเริ่มรู้จักสายตาสั้นมากขึ้น วันนี้เราจะมาลงลึกเกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจของภาวะสายตาสั้นในปัจจุบันกันนะครับ
การพัฒนาก้าวกระโดดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ส่งผลให้พฤติกรรมการมองเห็นของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชากรโลกมีสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของสายตาสั้นที่ต่อเนื่องนี้ จึงได้มีการศึกษาทางสถิติและคาดว่าในปี พ.ศ.2593 จะมีจำนวนประชากรที่มีสายตาสั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ของโลก ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสายตาสั้น
สายตาสั้น หรือ Myopia ในทางการแพทย์ เป็นภาวะสายตาที่ทำให้เห็นวัตถุในระยะไกลมัวกว่าระยะใกล้ เนื่องจาก โฟกัสของแสงถูกทำให้ตกก่อนถึงจุดรับภาพบนจอประสาทตา โดยเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้จากขนาดลูกตาที่ยาวเกินไป, กระจกตามีความโค้งมากไป หรือ ความหนาตัวของเลนส์ตา ซึ่งการเกิดสายตาสั้นอาจมาจากหนึ่งในสาม หรือ หลายปัจจัยของโครงสร้างตาเหล่านี้รวมกันได้ อีกทั้งยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตาทั้งสามนี้ด้วย เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้งน้อย, การทำงานระยะใกล้, โภชนาการ, พันธุกรรม, โรค, Accommodative Lag และ Peripheral Hyperopic Defocus เป็นต้น สาเหตุทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีการศึกษาไว้มากมายเพื่อทำความเข้าใจถึงการเกิดสายตาสั้น เพราะฉะนั้น เรามาดูกันว่าสาเหตุเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสายตาสั้นได้ยังไงกันครับ
การทำกิจกรรมกลางแจ้งน้อย
การทำกิจกรรมกลางแจ้งน้อยสามารถเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดสายตาสั้นได้ โดยมีการศึกษาพบว่าเด็กที่ใช้เวลาทำกิจกรรมภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เล่นคอมพิวเตอร์, วิดีโอเกม และดูทีวี มากกว่าทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกบ้าน มีอัตราการเพิ่มขึ้นของสายตาสั้นมากกว่าเด็กที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกบ้าน เนื่องจาก การทำกิจกรรมกลางแจ้งจะได้รับแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะชะลอ หรือ ยับยั้งการเกิดสายตาสั้นได้ เพราะแสงอาทิตย์จะไปกระตุ้นให้เซลล์ในจอประสาทตาหลั่งสารโดปามีนที่มีคุณสมบัติชะลอการยืดออกของลูกตา รวมถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้งยังทำให้เกิดการพักสายตาและลดการหลั่งของอินซูลินที่เป็นต้นเหตุในการผลิตฮอร์โมนสำหรับการยืดตัวออกของลูกตา
การทำงานระยะใกล้
ในประเทศเยอรมันได้มีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสายตาสั้นและระดับการศึกษาจากกลุ่มประชากร 4,000 คน ซึ่งพบว่าคนที่มีระดับการศึกษาที่สูงจะยิ่งมีสายตาสั้นมากขึ้น เนื่องจาก คนที่มีระดับการศึกษาสูงจะใช้สายตาในระยะใกล้จากการอ่านหนังสือมาก เพราะฉะนั้น การใช้สายตาในระยะใกล้เป็นเวลานาน จะส่งผลให้สายตาสั้นเพิ่มขึ้น
โภชนาการ
การบริโภคอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลเยอะ จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้เลนส์ตาเกิดการบวมขึ้น การบวมของเลนส์ตาจะทำให้โฟกัสของแสงตกก่อนถึงจุดรับภาพบนจอประสาทตา กลายเป็นภาวะสายตาสั้นในที่สุด
พันธุกรรม
ในการศึกษาพบว่าคนเอเชียจะมีอัตราในการเกิดสายตาสั้นสูงกว่าคนชาติอื่นๆ และคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาจะมีอัตราในการเกิดสายตาสั้นน้อยสุด อีกทั้งยังพบว่าครอบครัวที่พ่อกับแม่ หรือ คนใดคนหนึ่งมีสายตาสั้น ลูกจะมีโอกาสเกิดสายตาสั้นมากขึ้น
การถ่ายทอดพันธุกรรมของสายตาสั้น
แหล่งที่มา: https://www.appelbaumvision.com/myopia-control
โรค
การเกิดสายตาสั้นอาจมีต้นเหตุมาจากโรคทางร่างกาย หรือ โรคตาได้ เช่น เบาหวาน, ต้อกระจก, ต้อหิน เป็นต้น สายตาสั้นจะเกิดจากพยาธิภาพของโรคๆนั้น ตัวอย่างเช่น สายตาสั้นเกิดจากการบวมของเลนส์ตาในภาวะเบาหวาน หรือ ต้อหินที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับกลุ่มอาการ Stickler จะมีการกลายพันธุ์ของยีนที่ผลิตเส้นใยคลอลาเจน ทำให้มีผลต่อรูปร่างของลูกตาจนส่งผลให้เกิดสายตาสั้นได้
Accommodative Lag
Accommodative Lag คือ ระบบการเพ่งที่ไม่เพียงพอในการมองระยะใกล้ ซึ่ง Accommodative Lag สามารถทำให้โฟกัสของแสงตกลงด้านหลังของจุดรับภาพบนจอประสาทตา เมื่อโฟกัสตกลงหลังจอประสาทตาโดยที่ระบบการเพ่งไม่เพียงพอ จะไปกระตุ้นให้ลูกตาเกิดการขยายออกมากเกินไปจนทำให้เกิดสายตาสั้น
Peripheral Hyperopic Defocus
กระบวนการ Emmetropization คือ กระบวนการเจริญเติบโตของตาเพื่อให้ตาเข้าสู่ภาวะสายตาปกติ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวัยเด็กและกระบวนการนี้จะหยุดได้ต่อเมื่อตามีขนาดพอดีกับโฟกัสที่ตกลงตรงกลางของจุดรับภาพ แต่ในการศึกษาปัจจุบันพบว่า ถึงแม้โฟกัสของแสงจะตกลงที่จุดรับภาพบนจอประสาทตาแล้ว แต่ Emmetropization ก็ยังไม่หยุด เนื่องจาก ขณะที่เรากำลังมองวัตถุอยู่ แสงจากวัตถุที่เรามองอยู่จะไม่ได้มีแค่โฟกัสเดียวที่จะตกลงตรงกลางของจอประสาทตา แต่ยังมีโฟกัสอื่นๆ ที่จะตกไปบริเวณด้านข้างของจอประสาทตาด้วย ซึ่งลักษณะกายวิภาคของตาที่มีความโค้ง แต่ไม่ได้เป็นระนาบตรง ทำให้ตรงกลางของจอประสาทตา หรือ จุดรับภาพจะอยู่ลึกกว่าบริเวณด้านข้าง เพราะฉะนั้น เมื่อโฟกัสของแสงตกลงตรงกลางของจุดรับภาพบนจอประสาทตา แต่ด้วยลักษณะกายวิภาคของตาจึงทำให้โฟกัสบริเวณด้านข้างตกเลยไปด้านหลังของจอประสาทตาโดยมีลักษณะเป็นสายตายาวบริเวณด้านข้าง หรือ เรียกว่า Peripheral Hyperopic Defocus
โฟกัสบริเวณด้านข้างที่ตกเลยไปด้านหลังของจอประสาทตาจะกระตุ้นให้เซลล์ในจอประสาทตาส่งกระแสประสาทไปยังสมองเพื่อให้เกิดกระบวนการ Emmetropization ขนาดของลูกตาจึงยังมีการยืดออก ส่งผลให้โฟกัสที่อยู่ตรงกลางของจุดรับภาพเลื่อนมาตกลงด้านหน้าแทน กลายเป็นสายตาสั้นมากขึ้น
Peripheral Hyperopic Defocus
แหล่งที่มา: https://www.cvs.rochester.edu/yoonlab/research/mpc.html
สาเหตุเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถพบในชีวิตประจำวันได้ สายตาสั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวและไม่ได้เป็นเพียงความผิดปกติของสายตาเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงโรคตาต่างๆ เช่น ต้อกระจก, ต้อหิน, จอประสาทตาหลุดลอก และจุดรับภาพเสื่อม เป็นต้น โดยโรคจอประสาทตาหลุดลอกและจุดรับภาพเสื่อมในผู้ที่มีสายตาสั้นมากมักจะถูกพบก่อนโรคอื่น
ด้วยลักษณะของลูกตาที่ยืดออกจากภาวะสายตาสั้นมากจะก่อให้เกิดภาวะ Choroidal Neovascularization หรือ ภาวะการงอกใหม่ของเส้นเลือดในชั้นเนื้อเยื่อคอรอยด์ ซึ่งภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นบริเวณจุดรับภาพของผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ส่งผลให้มีการสะสมของเม็ดสีและมีแผลเป็น จนสุดท้ายกลายเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมในที่สุด ส่วนโรคจอประสาทตาหลุดลอกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีสายตาสั้นมาก เพราะการยืดออกของลูกตา จะทำให้จอประสาทตาถูกดึงรั้งจนเกิดการฉีกขาด เมื่อจอประสาทตาเกิดการฉีกขาด วุ้นตาจะซึมเข้าไปในรูที่ฉีกและแทรกตัวระหว่างชั้นจอประสาทตากับเนื้อเยื่อคอรอยด์ ทำให้จอประสาทตาหลุดออกจากชั้นเนื้อเยื่อคอรอยด์ได้
พอถึงตรงนี้ทุกคนจะเห็นได้ว่าสายตาสั้นจัดเป็นภาวะความผิดปกติของสายตาที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ปัจจุบันจึงมีวิธีการแก้ไขและควบคุมสายตาสั้นเพื่อทำให้สายตาสั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุของการสูญเสียการมองเห็น ตามที่เคยระบุไว้ในบทความครั้งก่อนไป แต่ในบทความนี้จะพาทุกคนลงลึกเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขและควบคุมสายตาสั้นในปัจจุบันที่ประเทศไทยใช้กันครับ
วิธีการแก้ไขสายตาสั้น
แว่นตา
การแก้ไขสายตาสั้นด้วยแว่นตา ถือว่าเป็นตัวเลือกในการแก้ไขระดับแรกของภาวะสายตาผิดปกติทั้งหมด การแก้ไขสายตาสั้นด้วยแว่นตาเป็นสิ่งที่ปลอดภัยมากสุดและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เนื่องจาก การใส่แว่นตาจะไม่ไปกระทำต่อกายวิภาคของตา แต่แว่นตาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เลนส์แก้ไขการหักเหแสงตามความผิดปกติที่ตรวจพบ เพื่อให้แสงสามารถโฟกัสไปยังจุดรับภาพบนจอประสาทตาได้อย่างพอดีโดยที่กายวิภาคของตายังคงเหมือนเดิม อีกทั้งแว่นตายังสามารถป้องกันอันตรายต่อตาได้ เช่น ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หรือ แสงที่เป็นอันตรายต่อตา เป็นต้น แว่นตายังเป็นวิธีการแก้ไขสายตาสั้นที่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ต่างๆ ของใบหน้าจากกรอบแว่นได้ด้วย
คอนแทคเลนส์
คอนแทคเลนส์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ไขสายตาสั้นที่มีความปลอดภัยรองจากแว่นตา ซึ่งหลักการแก้ไขของคอนแทคเลนส์จะเหมือนกับแว่นตาตรงที่คอนแทคเลนส์จะแก้ไขการหักเหแสงจากภาวะสายตาผิดปกติโดยให้โฟกัสของแสงไปตกลงตรงกลางของจุดรับภาพบนจอประสาทตาเช่นกัน รวมถึงคอนแทคเลนส์ยังสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเหมือนกับแว่นตาและเป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่มีความปลอดภัยต่อตาถ้าใช้อย่างถูกวิธี สำหรับความแตกต่างระหว่างคอนแทคเลนส์และแว่นตา คือ คอนแทคเลนส์เป็นเลนส์ที่สัมผัสตาโดยตรง จึงต้องมีการฟิตและดูแลสุขอนามัยอย่างถูกต้อง คอนแทคเลนส์จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแว่นตาในการแก้ไขสายตาที่ต่างกันมากระหว่างตาสองข้างและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่แว่นตา
การผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้น
การผ่าตัดเพื่อแก้ไขสายตาสั้นเป็นวิธีแก้ไขที่จะกระทำต่อกายวิภาคของตาโดยตรง ซึ่งจะทำในส่วนของกระจกตาเท่านั้นและมีจำนวนในการทำที่จำกัด ในปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดเพื่อแก้ไขสายตาสั้นหลายอย่างดังต่อไปนี้
LASIK
LASIK หรือ Laser Assisted In Situ Keratomileusis เป็นการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติที่สามารถทำได้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ตามการรับรองของ Food and Drug Administration ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ส่วนมากจักษุแพทย์จะแนะนำให้ทำในผู้ที่มีอายุอย่างน้อย 20 ปี หรือช่วงอายุ 18 ขึ้นไปที่มีภาวะสายตาที่คงที่ กระบวนการผ่าตัดแบบ LASIK จะใช้เครื่องมือผ่าชั้น Epithelium ของกระจกตาเพื่อยกเปิดให้มีพื้นที่ในชั้น Stroma ของกระจกตา จากนั้นทำการยิงแสงเลเซอร์ลงในชั้น Stroma เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตาสั้นที่ต้องการแก้ไข หลังจากนั้นทำการปิดชั้น Epithelium ที่ยกไว้กลับเข้าที่เดิม ซึ่งผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ตาแห้ง, แพ้แสง, เห็นแสงกระจายเป็นแฉกๆ เป็นต้น
PRK
PRK หรือ Photorefractive Keratectomy เป็นวิธีผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติที่ใช้เลเซอร์เหมือนกับ LASIK และต้องทำในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเช่นกัน แต่มีความแตกต่างตรงที่ PRK ไม่มีการผ่ายกชั้น Epithelium แต่จะใช้สารละลายแอลกอฮอล์ในการกลอกชั้น Epithelium ออก จากนั้นใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตาและเมื่อปรับเสร็จแล้ว จะใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่มีค่าสายตาใส่เข้าไปเสมือนผ้าพันแผล เพื่อให้ชั้น Epithelium กลับมาฟื้นฟู ซึ่งผลข้างเคียงของ PRK ที่พบบ่อยจะเหมือนกับ LASIK
ReLEx SMILE
Refractive Lenticule Extraction, Small Incision Lenticule Extradition หรือ ReLEx SMILE คือ นวัตกรรมในการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติแบบใหม่ที่ใช้แสงเลเซอร์ทำการผ่าตัดแผลเล็กโดยไร้ใบมีด การทำ ReLEx SMILE จะเริ่มทำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เหมือนกับ LASIK และ PRK ซึ่งกระบวนการของ ReLEx SMILE จะใช้เลเซอร์เฟมโตเซคอนด์แยกชั้น Stroma ของกระจกตา เป็นรูปสามมิติในรูปแบบ Lenticule แล้วทำการเปิดชั้น Epithelium ของกระจกตาเพียงเล็กน้อยเพื่อนำ Lenticule ออกมา โดยขนาดของชั้น Epithelium ที่เปิดจะเป็นแผลอยู่ประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ส่วนขนาดของ Lenticule จะเป็นตัวกำหนดในการปรับความโค้งของกระจกตาเพื่อแก้ไขสายตาสั้น ในเรื่องผลข้างเคียงของ ReLEx SMILE ที่พบบ่อย คือ ตาแห้ง, แพ้แสง เป็นต้น คล้ายกับ LASIK และ PRK แต่จะมีอาการน้อยกว่า
เลนส์เสริม ICL
เลนส์เสริม ICL หรือ เรียกว่า Implantable Collamer Lens คือ เลนส์เสริมที่ใช้ในการแก้ไขสายตาผิดปกติในรูปแบบการผ่าตัดอีกหนึ่งวิธี จะเหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 21-45 ปี การผ่าตัดเลนส์เสริม ICL จะมีความแตกต่างจาก LASIK, PRK และ ReLEx SMILE ตรงที่กระบวนการผ่าตัดจะเป็นการใส่เลนส์เสริม ICL เข้าไปบริเวณหลังม่านตาและด้านหน้าเลนส์ตา ไม่ใช่การผ่าเพื่อเปลี่ยนแปลงกระจกตา จึงจะเหมาะกับผู้ที่มีความหนาของกระจกตาน้อย การผ่าตัดเลนส์เสริม ICL จะมีการเปิดแผลที่กระจกตาประมาณ 3 มิลลิเมตร และใช้เวลาเพียง 20-30 นาที เท่านั้น โดยแผลจะไม่มีการเย็บ แต่จะให้สมานเอง ส่วนผลข้างเคียงที่อาจพบ คือ อาจติดเชื้อได้แต่มีโอกาสน้อย, ความดันตาในช่วงแรกจะสูง, มีตาแดงหลังผ่า 7-14 วัน เป็นต้น
หลังจากที่เรารู้ถึงวิธีการแก้ไขสายตาสั้นไปแล้ว เรามาดูวิธีการควบคุมสายตาสั้นกันเถอะครับ
การควบคุมสายตาสั้นเป็นสิ่งที่มีการพูดคุยอย่างมากในปัจจุบันและมีการใช้ด้วยกันหลายวิธี ไม่จะเป็น การใช้ยาลดการเพ่งในความเข้มขันต่ำ, คอนแทคเลนส์ชนิด Ortho-K, คอนแทคเลนส์แบบ Multifocal และเลนส์แว่นแบบพิเศษ เป็นต้น ซึ่งมีประสิทธิภาพและให้ผลดีในการชะลอสายตาสั้น แต่การควบคุมสายตาสั้นยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ในปัจจุบันการควบคุมสายตาสั้นในประเทศไทยจึงเน้นไปที่เลนส์แว่นตาแบบพิเศษเท่านั้น
การควบคุมสายตาสั้นด้วยเลนส์แว่นตาพิเศษ จะถูกออกมาเพื่อควบคุมสายตาสั้นโดยมีอยู่ 2 รูปแบบตามหลักของทฤษฎี 2 เรื่อง คือ Accommodative Lag และ Peripheral Hyperopic Defocus เลนส์ทั้ง 2 รูปแบบมีดังต่อไปนี้
Accommodative Lag
เลนส์ควบคุมสายตาสั้นที่ใช้หลักของทฤษฎี Accommodative Lag คือ ZEISS MyoKids และ Essilor Myopilux โดยมีหลักการว่า เด็กที่มี Accommodative Lag เยอะจะทำให้โฟกัสของแสงตกไปด้านหลังของจอประสาทตาขณะมองใกล้ เมื่อโฟกัสอยู่หลังจอประสาทตาก็จะไปกระตุ้นให้ลูกตายืดออกจนทำให้สายตาสั้นเพิ่มขึ้น เลนส์ทั้งสองจึงถูกออกแบบให้มีค่ากำลังบวก หรือ Add ไว้ด้านล่างของเลนส์เพื่อชดเชย Accommodative Lag ที่เกิดขึ้นขณะมองใกล้ จึงเหมาะกับเด็กที่มีสายตาสั้นเพิ่มขึ้นและ Accommodative Lag เยอะ
หลักการของโครงสร้างเลนส์ Essilor Myopilux
แหล่งที่มา: https://www.essilor.co.id/en/products/myopilux
Peripheral Hyperopic Defocus
สำหรับทฤษฎี Peripheral Hyperopic Defocus จะเป็นหลักการใหม่ที่นำมาใช้ออกแบบเลนส์ควบคุมสายตาสั้น ซึ่งเลนส์ที่ออกแบบตามทฤษฎีนี้ได้แก่ Hoya MiYOSMART, Essilor Stellest และ ZEISS MyoVision Pro เลนส์ทั้งสามจะถูกออกแบบให้ส่วนตรงกลางของเลนส์แก้ไขปริมาณสายตาสั้นและส่วนด้านข้างของเลนส์ถูกทำให้มีกำลังบวก หรือ Add มากขึ้นเพื่อดึงโฟกัสบริเวณด้านข้างที่อยู่หลังจอประสาทตาให้มาตกหน้าจอประสาทตา เลนส์ทั้งสามจึงเหมาะกับเด็กที่มีสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลักการของโครงสร้างเลนส์ Hoya MiYOSMART และ Essilor Stellest
แหล่งที่มา: https://www.mykidsvision.org/knowledge-centre/all-about-eye-glasses-for-myopia-control
จากที่กล่าวไปทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าสายตาสั้นจึงเป็นภาวะสายตาที่ต้องการดูแลอย่างถูกต้องเพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นได้
ถ้าใครมีปัญหาเรื่องสายตาสั้น หรือ การมองเห็นอื่นๆ สามารถเข้ามาปรึกษาที่ Hogar Vision ได้ทุกวันครับ
Hogar Vision
11/03/2566